ชื่อ เถกิงเดช เกื้อโกศล
รหัสนักศึกษา 57560180
มหาวิทยาลัย ศรีปทุม DBA 06
ผศ.ดร.วิชิต อู่อ้น
PRICE
1.ประวัติความเป็นมา
4P ทฤษฎีการผลิตในปี 1960 ในประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมกับทฤษฎีส่วนประสมทางการตลาดที่เสนอและเกิดขึ้น
ในปี 1953 นีลเลือกตั้ง (เลือกตั้งนีล) ประกาศเกียรติคุณคำว่า
"ส่วนประสมการตลาด" (ส่วนประสมการตลาด)
ระยะในการพูดการสถาปนาของเขาของสมาคมการตลาดอเมริกัน, ความหมายของมันเป็น
ความต้องการของตลาดที่มีขอบเขตมากหรือน้อย
ในเรื่องที่เรียกว่า "ตัวแปรการตลาด" ส่งผลกระทบต่อหรือ
"องค์ประกอบการตลาด" เพื่อหาปฏิกิริยาตลาด บริษัท
ต้องการที่จะรวมกันที่มีประสิทธิภาพขององค์ประกอบเหล่านี้เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและเพิ่มผลกำไร
มีจริงหลายสิบขององค์ประกอบส่วนประสมทางการตลาด
(เลือกตั้งส่วนประสมทางการตลาดที่นำเสนอไปแล้วรวม 12 องค์ประกอบ), เจอโรมแมคคาร์ (แมคคาร์) ในปี 1960 ในหัวข้อ "การตลาดขั้นพื้นฐาน" ของ (การตลาดขั้นพื้นฐาน)
หนังสือเหล่านี้ สรุปองค์ประกอบโดยทั่วไปเป็นสี่ประเภทผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (ราคา), ช่อง (สถานที่), การส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) หรือที่เรียกว่า 4Ps ในปี 1967 ฟิลิป Kotler
ในหนังสือที่ขายดีที่สุดของเขา "การบริหารจัดการการตลาด:
การวิเคราะห์การวางแผนและควบคุม"
ฉบับพิมพ์ครั้งแรกได้รับการยืนยันต่อไปด้วยหลักของการตลาดวิธีการผสม 4Ps
ความหมาย
• มูลค่าของสินค้า และ บริการในรูปของตัวเงิน หรือ
เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อต้องจ่าย
สำหรับการได้มาของบางสิ่ง (Stanton 1987:9650)
• จำนวนที่ต้องจ่าย
เพื่อให้ได้สินค้าและบริการ หรือ เป็นคุณค่าทั้งหมดที่ลูกค้า
รับรู้
เพื่อให้ได้ผลประโยชน์จากการใช้
สินค้าและบริการ
ให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป
(Armstrong and Kotler. 2009 : 616)
• จำนวนเงินที่บุคคลต้องจ่าย
เพื่อตอบแทน กับการได้รับ กรรมสิทธิ์
สิทธิ
ความสะดวกสบาย และ
ความพอใจในสินค้านั้น
ให้กับเจ้าของเดิม
(Wisner 1996:270-271)
2.องค์ประกอบหลัก
1) จุดคุ้มทุนและเป้าหมายการทำกำไร
หัวข้อนี้คือสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงตลอดเวลาในกระบวนการตั้งราคาเพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ในอนาคต
เพราะหลายครั้งที่ผู้ประกอบการมองข้ามเป้าหมายนี้ไป
ทำให้แทนที่จะพยายามปรับราคาและสร้างมูลค่าของสินค้าให้มากขึ้นเพื่อทำกำไรให้ถึงเป้าหมาย
แต่กลับไปมุ่งเน้นตัดราคาสินค้าแข่งกับรายอื่นๆ แทน
โดยที่ลืมคิดไปว่าจะต้องทำกำไรถึงจะอยู่รอดได้
ดังนั้นการที่จะตั้งราคานั้นเราจึงควรที่จะนั่งคำนวณต้นทุนทั้งหมดออกมาให้เรียบร้อยทั้งค่าแรงงาน
ค่าขนส่ง วัตถุดิบ ค่าโฆษณาและอื่นๆ ทุกอย่าง
ก่อนที่จะกำหนดว่าเราอยากได้กำไรเท่าไร แล้วค่อยมากำหนดราคาให้ตรงตามเป้านั้นๆ
2) ความต้องการของตลาด
การกำหนดราคานั้นมักเป็นไปตามกลไกของตลาดที่ว่าถ้าสินค้านั้นมีความต้องการของผู้บริโภคสูงก็ย่อมกำหนดราคาสูงได้ตาม
ในทางกลับกันถ้าหากสินค้านั้นไม่ค่อยเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากนัก
อำนาจในการกำหนดราคาของเราก็จะลดลงตามไปด้วย
ดังนั้นราคาของสินค้าอาจต้องมีความยืดหยุ่นและปรับตัวขึ้นลงได้ตามตลาดอยู่เสมอ
โดยในบางครั้งเมื่อเราไม่สามารถปรับลดราคาลงมาได้เพราะกลัวเสียแบรนด์ก็อาจใช้การจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า
หรือแจกของแถมมากขึ้นทดแทนจนกว่าสินค้านั้นจะเป็นที่ต้องการของตลาดอีกครั้งก็ได้
3) คู่แข่ง
การวิเคราะห์การตั้งราคาจากต้นทุนและความต้องการของตลาดนั้นอาจไม่เพียงพอเสมอไป
เพราะนอกจาก 2 ปัจจัยข้างต้นแล้วเรายังต้องมคำนึงถึงราคาสินค้าของคู่แข่งเพิ่มเข้าไปด้วย
เนื่องจากราคาสินค้าของคู่แข่งเหล่านี้นั้นมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าค่อนข้างมาก
ลองคิดดูว่าหากมีสินค้าที่มีคุณภาพและทำจากวัตถุดิบที่มีความใกล้เคียงกันแต่ทว่ามีเจ้าหนึ่งราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ผู้คนก็มักจะเลือกสินค้าชิ้นที่ถูกกว่าเพราะคุณภาพต่างกันไม่มาก
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าวิธีแก้ปัญหาจะเป็นการตัดราคาตนเองลงมาเสมอไป
เพราะสิ่งสำคัญในหัวข้อนี้ก็คือการศึกษาคู่แข่งแล้วค่อยนำมาวิเคราะห์ว่าจะเดินหน้าตั้งราคาต่อไปทางไหน
จะเลือกทำให้สินค้าดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพื่อตั้งราคาสูงขึ้น
หรือหาวิธีลดต้นทุนเพื่อราคามาแข่ง
3. การประยุกต์ใช้
ตัวอย่างในกรณีนี้คือ
รถยนต์โตโยต้า Vios
Input โดยการใช้ SWOT วิเคราะห์ จุดแข็ง จุดออ่อน ของสินค้า และใช้ Five Forces Analysis มาเป็นข้อมูล Input เข้าไปว่า สินค้าตัวนี้มีจุดแข็งด้านราคา สามารถพัฒนาให้เป็นสินค้าที่เป็นดาวเด่นได้
Process กระบวนการทำให้ รถยนต์รุ่นนี้ขายได้ โดยใช้การจัดการด้านต่างๆ เช่น Communication , Change Management ,
Customer Relatiuonship Management เป็นต้น
Out Put ผลลัพท์ที่ได้ก็คือ Finance Performance สามารถวัดได้เป็นตัวเงิน คือยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง
ของรถยนต์ประเภทเดียวกัน กับคู่แข็งในท้องตลาด
4.ที่มา
www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/07/06.pdf ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
https://m.facebook.com/note.php?note_id=196291397058057.. ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
www2.feu.ac.th/acad/mk/articles_detail.php?id=187 ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
mbaholiday.blogspot.com/2013/12/4p-4-cs.htm ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
http://incquity.com/articles/pricing101-pricing-theory ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
เนื้อหาครบถ้วนเข้าใจง่าย ที่มาชัดเจนดีค่ะ ขอบคุณนะคะ
ตอบลบ