วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Marketing Model


ชื่อ เถกิงเดช  เกื้อโกศล
รหัสนักศึกษา  57560180
มหาวิทยาลัย ศรีปทุม DBA 06
ผศ.ดร.วิชิต อู่อ้น

PRICE

1.ประวัติความเป็นมา

        4P ทฤษฎีการผลิตในปี 1960 ในประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมกับทฤษฎีส่วนประสมทางการตลาดที่เสนอและเกิดขึ้น ในปี 1953 นีลเลือกตั้ง (เลือกตั้งนีล) ประกาศเกียรติคุณคำว่า "ส่วนประสมการตลาด" (ส่วนประสมการตลาด) ระยะในการพูดการสถาปนาของเขาของสมาคมการตลาดอเมริกัน, ความหมายของมันเป็น
ความต้องการของตลาดที่มีขอบเขตมากหรือน้อย ในเรื่องที่เรียกว่า "ตัวแปรการตลาด" ส่งผลกระทบต่อหรือ "องค์ประกอบการตลาด" เพื่อหาปฏิกิริยาตลาด บริษัท ต้องการที่จะรวมกันที่มีประสิทธิภาพขององค์ประกอบเหล่านี้เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและเพิ่มผลกำไร มีจริงหลายสิบขององค์ประกอบส่วนประสมทางการตลาด (เลือกตั้งส่วนประสมทางการตลาดที่นำเสนอไปแล้วรวม
12 องค์ประกอบ), เจอโรมแมคคาร์ (แมคคาร์) ในปี 1960 ในหัวข้อ "การตลาดขั้นพื้นฐาน" ของ (การตลาดขั้นพื้นฐาน) หนังสือเหล่านี้ สรุปองค์ประกอบโดยทั่วไปเป็นสี่ประเภทผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (ราคา), ช่อง (สถานที่), การส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) หรือที่เรียกว่า 4Ps ในปี 1967 ฟิลิป Kotler ในหนังสือที่ขายดีที่สุดของเขา "การบริหารจัดการการตลาด: การวิเคราะห์การวางแผนและควบคุม" ฉบับพิมพ์ครั้งแรกได้รับการยืนยันต่อไปด้วยหลักของการตลาดวิธีการผสม 4Ps

        ความหมาย
         มูลค่าของสินค้า และ บริการในรูปของตัวเงิน  หรือ  เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อต้องจ่าย
    สำหรับการได้มาของบางสิ่ง (Stanton 1987:9650)
        จำนวนที่ต้องจ่าย  เพื่อให้ได้สินค้าและบริการ หรือ เป็นคุณค่าทั้งหมดที่ลูกค้า
   รับรู้  เพื่อให้ได้ผลประโยชน์จากการใช้  สินค้าและบริการ  ให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป
 (Armstrong and Kotler. 2009 : 616)

         จำนวนเงินที่บุคคลต้องจ่าย   เพื่อตอบแทน  กับการได้รับ  กรรมสิทธิ์  สิทธิ
   ความสะดวกสบาย  และ  ความพอใจในสินค้านั้น  ให้กับเจ้าของเดิม
    (Wisner 1996:270-271)
 

2.องค์ประกอบหลัก
1) จุดคุ้มทุนและเป้าหมายการทำกำไร
หัวข้อนี้คือสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงตลอดเวลาในกระบวนการตั้งราคาเพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ในอนาคต เพราะหลายครั้งที่ผู้ประกอบการมองข้ามเป้าหมายนี้ไป ทำให้แทนที่จะพยายามปรับราคาและสร้างมูลค่าของสินค้าให้มากขึ้นเพื่อทำกำไรให้ถึงเป้าหมาย แต่กลับไปมุ่งเน้นตัดราคาสินค้าแข่งกับรายอื่นๆ แทน โดยที่ลืมคิดไปว่าจะต้องทำกำไรถึงจะอยู่รอดได้ ดังนั้นการที่จะตั้งราคานั้นเราจึงควรที่จะนั่งคำนวณต้นทุนทั้งหมดออกมาให้เรียบร้อยทั้งค่าแรงงาน ค่าขนส่ง วัตถุดิบ ค่าโฆษณาและอื่นๆ ทุกอย่าง ก่อนที่จะกำหนดว่าเราอยากได้กำไรเท่าไร แล้วค่อยมากำหนดราคาให้ตรงตามเป้านั้นๆ
2) ความต้องการของตลาด
การกำหนดราคานั้นมักเป็นไปตามกลไกของตลาดที่ว่าถ้าสินค้านั้นมีความต้องการของผู้บริโภคสูงก็ย่อมกำหนดราคาสูงได้ตาม ในทางกลับกันถ้าหากสินค้านั้นไม่ค่อยเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากนัก อำนาจในการกำหนดราคาของเราก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นราคาของสินค้าอาจต้องมีความยืดหยุ่นและปรับตัวขึ้นลงได้ตามตลาดอยู่เสมอ โดยในบางครั้งเมื่อเราไม่สามารถปรับลดราคาลงมาได้เพราะกลัวเสียแบรนด์ก็อาจใช้การจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า หรือแจกของแถมมากขึ้นทดแทนจนกว่าสินค้านั้นจะเป็นที่ต้องการของตลาดอีกครั้งก็ได้
3) คู่แข่ง
การวิเคราะห์การตั้งราคาจากต้นทุนและความต้องการของตลาดนั้นอาจไม่เพียงพอเสมอไป เพราะนอกจาก 2 ปัจจัยข้างต้นแล้วเรายังต้องมคำนึงถึงราคาสินค้าของคู่แข่งเพิ่มเข้าไปด้วย เนื่องจากราคาสินค้าของคู่แข่งเหล่านี้นั้นมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าค่อนข้างมาก ลองคิดดูว่าหากมีสินค้าที่มีคุณภาพและทำจากวัตถุดิบที่มีความใกล้เคียงกันแต่ทว่ามีเจ้าหนึ่งราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนก็มักจะเลือกสินค้าชิ้นที่ถูกกว่าเพราะคุณภาพต่างกันไม่มาก แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าวิธีแก้ปัญหาจะเป็นการตัดราคาตนเองลงมาเสมอไป เพราะสิ่งสำคัญในหัวข้อนี้ก็คือการศึกษาคู่แข่งแล้วค่อยนำมาวิเคราะห์ว่าจะเดินหน้าตั้งราคาต่อไปทางไหน จะเลือกทำให้สินค้าดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพื่อตั้งราคาสูงขึ้น หรือหาวิธีลดต้นทุนเพื่อราคามาแข่ง
3. การประยุกต์ใช้
ตัวอย่างในกรณีนี้คือ รถยนต์โตโยต้า Vios
Input  โดยการใช้ SWOT วิเคราะห์ จุดแข็ง จุดออ่อน ของสินค้า และใช้ Five Forces Analysis มาเป็นข้อมูล Input เข้าไปว่า สินค้าตัวนี้มีจุดแข็งด้านราคา  สามารถพัฒนาให้เป็นสินค้าที่เป็นดาวเด่นได้

Process  กระบวนการทำให้ รถยนต์รุ่นนี้ขายได้ โดยใช้การจัดการด้านต่างๆ เช่น Communication , Change Management , Customer Relatiuonship Management เป็นต้น

Out Put  ผลลัพท์ที่ได้ก็คือ Finance Performance สามารถวัดได้เป็นตัวเงิน คือยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ของรถยนต์ประเภทเดียวกัน กับคู่แข็งในท้องตลาด

4.ที่มา
 www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/07/06.pdf  ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
 th.swewe.net/word_show.htm/?100002053_1&ทฤษฎีการตลาด_4Ps ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
www.ex-mba.buu.ac.th/Research%202556/Research.../Chapter%202.pdf( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
https://m.facebook.com/note.php?note_id=196291397058057..( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
www2.feu.ac.th/acad/mk/articles_detail.php?id=187 ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
mbaholiday.blogspot.com/2013/12/4p-4-cs.htm ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
http://incquity.com/articles/pricing101-pricing-theory ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
http://kengtawatchai.blogspot.com/2013/06/4ps.html( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
http://marketingindeed.exteen.com/20090708/4ps-marketing-mix ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)
http://incquity.com/articles/pricing101-pricing-theory ( สืบค้น เมื่อวันที่ 26/10/2557)


1 ความคิดเห็น:

  1. เนื้อหาครบถ้วนเข้าใจง่าย ที่มาชัดเจนดีค่ะ ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ